แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 29
1
10 อาการสงสัย "โรคปอดอักเสบ"

"โรคปอดอักเสบ" เป็นโรคที่มีการอักเสบของเนื้อปอด ซึ่งประกอบไปด้วยถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบมีอาการบวมขึ้น ทำให้ปอดทำหน้าที่ได้น้อยลงส่งผลอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก

ในบางรายผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งถ้าตรวจพบในระยะแรกเริ่มจะสามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งอาการแสดงและความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไป และบางครั้งอาจพบปอดอักเสบเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น ๆ ด้วย

สำหรับ "ปอด" เป็นอวัยวะในระบบทางเดินหายใจที่อยู่ภายในทรวงอกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นเนื้อหยุ่นๆ สีออกชมพู มีหน้าที่แลกเปลี่ยนก๊าซจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป คือ ในช่วงหายใจเข้าปอดจะทาหน้าที่นาก๊าซออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงร่างกาย และในขณะเดียวกันปอดจะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกมากับลมหายใจ

ปกติเนื้อปอดจะเป็นอวัยวะที่ปราศจากเชื้อโรค เมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เข้าไปถึงเนื้อปอดจะส่งผลให้เนื้อปอดมีการอักเสบและมีการบวมเกิดขึ้น ในคนที่มีสุขภาพดีร่างกายจะมีระบบภูมิต้านทานโรคที่ดีที่จะช่วยขจัดเชื้อโรค และของเสียในทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือที่เรียกว่าการไอนั้นเอง แต่ในคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันลดลง หากปอดติดเชื้อก็จะเกิดปอดอักเสบได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้


ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ ได้แก่

1. อายุ ในผู้สูงอายุจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของอวัยวะและเซลล์จะเสื่อมสภาพลง อีกทั้งหากรับประทานอาหารและพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งผู้สูงอายุมักโรคร่วมหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไต เป็นต้น ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบได้มากกว่าคนปกติ

2. การสูบบุหรี่หรือสัมผัสควันบุหรี่ ควันไฟ ทำให้เกิดการระคายเคืองและทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบของถุงลมในปอด ส่งผลทำให้กลไกการต้านทานของการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจลดประสิทธิภาพลง ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจได้ง่าย

3. การดื่มสุรา จะส่งผลทำให้รู้สึกตัวลดน้อยลง มีอาการมึนเมา เวลารับประทานอาหารหรือนอน อาจทำให้เกิดการสำลักอาหารเข้าปอดได้ทำให้เกิดการติดเชื้อตามมา นอกจากนี้ในรายที่ดื่มสุราเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดโรคตับแข็ง ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายน้อยกว่าปกติ

4. การมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคเอดส์ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหืดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคตับแข็ง เป็นต้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับยาหลายชนิดในเวลาเดียวกัน โดยที่ยาบางตัว เช่น ยาสเตียรอยด์ ยารักษาโรคมะเร็งหรือยาเคมีบำบัดเป็นประจำ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคและการกำจัดเชื้อโรคน้อยลง ส่งผลทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป


ในส่วนของอาการแสดงของโรคปอดอักเสบนั้น ผู้ป่วยมักมีอาการไข้ ไอ เจ็บหน้าอก และหอบเหนื่อยเป็นสำคัญ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจมีไม่ครบทุกอย่าง โดยอาการที่เราจะสงสัยภาวะปอดอักเสบนั้น ซึ่งมีรายละเอียดทั้ง 10 ข้อ ดังนี้

1.ไข้ มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือมีไข้ตัวร้อนตลอดเวลา

2.อาจมีอาการหนาวสั่นมาก มักจะพบขณะมีไข้

3.อาการหอบเหนื่อย ผู้ป่วยมักจะมีอาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจเร็ว อาจจะมีการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องเพื่อช่วยหายใจ

4. ถ้าเป็นมากจะมีอาการปากเขียว ตัวเขียว

5.มีอาการไอ โดยเสมหะ อาจมีขาวขุ่นหรือเป็นหนองได้

6.มีอาการเจ็บหน้าอก อาจเจ็บแปล๊บเวลาหายใจเข้าหรือเวลาที่ไอแรง ๆ

7. ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ เนื่องจากมีไข้

8. ผู้ป่วยอาจมีปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย

9. ผู้ป่วยอาจมีอาการซึม สับสน

10. ผู้ป่วยมีประวัติสำลักอาหาร

2
แนวทางการปฏิบัติตัว ขณะเข้ารับการจัดฟันเด็ก เพื่อป้องกันโรคฟันผุ

หลายคนในวัยเด็กอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับฟันผุ ตั้งแต่ยังมีฟันน้ำนม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีปัญหาในเรื่องของฟันในอนาคต สำหรับการเกิดฟันผุนั้น เกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่กินค้างคาอยู่ในปากและสัมผัสกับฟันอยู่เป็นเวลานาน และไม่ได้รับการรักษาความสะอาดฟันที่ดี  จึงทำให้เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเชื้อที่อยู่บนแผ่นคราบฟัน เกิดกระบวนการย่อยสลายเศษอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดแลคติก ที่มีฤทธิ์ในการสลายแร่ธาตุซึ่งเป็นโครงสร้างของฟันจนทำให้ฟันผุกร่อนไปทีละน้อยจากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน จนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน

ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือฟันอักเสบเป็นหนอง สำหรับอาการปวดฟันในวัยเด็กนั้น แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องดี ทั้งยังเป็นปัญหากวนใจของใครหลายๆคน บางคนโตมายังมีอาการปวดฟันอยู่เลย ซึ่งเป้นสัญญาณที่กำลังจะบอกว่า คุณกำลังมีฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ นั่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะการที่เรามีฟันผุตอนโตนั้น จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยเฉพาะการเข้าสังคม ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพได้เลยทีเดียว ดังนั้น เด็กทุกๆคนควรที่จะได้รับการปลูกฝังเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย หรือถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ก็ควรที่จะรีบทำการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขปัญหาฟันในวัยเด็กนั้น หากพูดถึงเรื่องของการรักษาหรือแก้ไขปัญหาฟันคงจะหนีไม่พ้น การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างหลากหลาย เรียกว่า แก้ได้ทั้งปัญหาฟัน ปัญหาโครงสร้างของใบหน้าที่มีความผิดปกติได้เลย ดังนั้น เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของฟัน ควรได้รับการแก้ไขตั้งแต่เด็กๆ เพื่อที่โตไปไม่เกิดฟันผุ อย่างที่บอกว่า หากโตไปแล้วยังมีฟันผุ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เพราะจะเป็นอุปสรรคในการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันของเราได้เลยทีเดียว

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เป็นการรักษาด้วยการจัดฟันเพื่อแก้ไขความผิดปกติของการสบฟัน หรือตำแหน่งขากรรไกรที่ผิดปกติ ซึ่งการจัดฟันในเด็กจะต้องได้รับความร่วมมือจากเด็กและผู้ปกครองเป็นสำคัญ อีกทั้งยังต้องมีการดูแลช่องปากเป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการดูแลการปฏิบัติตัว เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อไม่ให้เด็กเกิดฟันผุ อย่างแรกเลยคือ ควรให้เด็กแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งได้ผลดีทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ตลอดจนใช้ฟลูออไรด์ในรูปแบบอื่นที่เหมาะสมกับอายุและสภาพฟันในปาก เช่น น้ำยาอมบ้วนปาก ยาเม็ดฟลูออไรด์ ฯลฯ ลดการรับประทานอาหารหวาน หรือกินน้ำตาลให้ถูกวิธี

โดยการกินน้ำตาลในมื้ออาหาร ลดความถี่ในการอมลูกอม ไม่กินหรือเคี้ยวลูกอมที่เหนียวหนับในระหว่างมื้ออาหาร ภายหลังกินอาหารหวานจัด หรือที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ให้บ้วนปากแรงๆ ทำความสะอาดฟัน หรือดื่มน้ำตามทันที พยายามอย่าให้มีเศษอาหารหรือลูกอมน้ำตาลติดตามร่องและซอกฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กที่เข้ารับการจัดฟันตรวจความผิดปกติบนตัวฟันเป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ควรตรวจช่องปากปีละ 2 ครั้ง แต่เด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ก็ต้องเข้าพบทันตแพทย์เป้นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว แต่ถ้าหากฟันเป็นรูหรือบิ่นแตก หรือมีจุดดำ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคฟันผุ ควรได้รับการบำบัดรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะลุกลามจนมีอาการปวดเสียว

 ซึ่งทำให้การรักษายุ่งยากขึ้นและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากขึ้นด้วย สำหรับเด็กที่ฟันกรามเพิ่งขึ้นโดยเฉพาะในฟันถาวร ควรได้รับการเคลือบร่องฟันป้องกันฟันผุ ซึ่งพบว่า บริเวณรูและร่องฟันเป็นจุดที่ฟันผุได้ง่ายกว่า เพราะเป็นที่กักสะสมเศษอาหารและเชื้อจุลินทรีย์ โอกาสการเกิดฟันผุจึงง่ายกว่าบริเวณอื่น จึงควรได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้คือแนวทางการปฏิบัติตัวของเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด้กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก และแนะนำวิธีการดูแลตัวเองขระเข้ารับการจัดฟันได้อย่างถูกต้อง เพื่อเป็นแนวทางให้เด็กได้ปฏิบัติตาม เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเราอยากเด็กมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

3
บ้านติดรถไฟฟ้า นลินธารา รังสิต-บางพูน (Narinthara Rangsit-Bangpoon)
เริ่มต้น 4.69 ลบ. - 6.59 ลบ.

นลินธารา รังสิต-บางพูน (Narinthara Rangsit-Bangpoon)
เติมเต็มความสุข กับแบบบ้านที่ลงตัว ณ นลินธารา-รังสิตบางพูน ปทุมธานี WHERE HOUSE COMPLETE LIFE บ้านของเราตอบรับการใช้ชีวิตยุคใหม่ของคุณ อย่างลงตัว
ด้วยรูปแบบทันสมัยที่มีการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้อย่างเหมาะสมและเป็นสัดส่วน

เติมเต็มความสมบูรณ์แบบ ได้อย่างลงตัวด้วย สนามหญ้า และสวนร่มรื่น พร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศธรรมชาติเพราะเราอยากให้คุณมีความสุขที่สุด เวลาอยู่บ้าน เราจึงรังสรรค์ทุกรายละเอียดด้วยความเข้าใจและใส่ใจ เพื่อตอบรับ ทุกการใช้ชีวิตของคุณและคนที่คุณรักอย่างดีที่สุด

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            นลินธารา รังสิต-บางพูน (Narinthara Rangsit-Bangpoon)
 เจ้าของโครงการ       ทรัพย์พล กรุ๊ป
 ราคา                    เริ่มต้น 4.69 ลบ. - 6.59 ลบ.

ประเภทบ้าน              บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด
 ลักษณะทำเล            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่โครงการ           6 ไร่ 3 งาน 97 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน              42 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด         3 แบบ
  เนื้อที่บ้าน             ตั้งแต่ 36 ถึง 50 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย            ตั้งแต่ 154 ถึง 182 ตร.ม.

จำนวนชั้น               2 ชั้น
 หน้ากว้าง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ       2 คัน
 สาธารณูปโภค        สวนสาธารณะ, รปภ., CCTV, อื่นๆ (เข้า-ออกโครงการแบบ Easy Pass), สนามเด็กเล่น

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน              ปทุมธานี, คลองหลวง, ธัญบุรี, ลำลูกกา
 ที่ตั้ง               ถนนรังสิต-ปทุมธานี ซ.วัดบางพูน 2 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี

ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม, สถานี(บางซื่อ - รังสิต)(รังสิต)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถ.รังสิต-ปทุมธานี, ถ.ซ่อมสร้าง-ปทุมธานี, ถ.ติวานนท์-ปทุมธานี)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ห้างสรรพสินค้า
Future Park รังสิต
Zpell รังสิต
Major รังสิต
Lotus’ รังสิต
Big C รังสิต
The Nine Center ติวานนท์
Homepro รังสิต

สถานศึกษา
ม.อาชีวะศึกษาปทุมธานี
ม.เทคนิคปทุมธานี
รร.วัดบางพูน
รร.รังสิตวิเทศศึกษา

สถานพยาบาล
รพ.ปทุมเวช
รพ.ประชาธิปัตย์
รพ.กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส
รพ.เปาโล รังสิต

ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ

4
โปรโมชั่นแท็บเล็ต: เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตที่ดีไซน์เพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ และอุปกรณ์ AIoT มากมาย

เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัว Xiaomi Pad 6 แท็บเล็ตที่ถูกดีไซน์มาเพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT ใหม่มากมาย ได้แก่ Redmi Watch 3 Active สมาร์ทวอทช์สำหรับคนรักสุขภาพที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่, Xiaomi Vacuum Cleaner G10 Plus อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ช่วยให้เรื่องงานบ้านของคุณเป็นเรื่องง่าย, Xiaomi Outdoor Camera AW300 กล้องวงจรปิดนอกอาคาร, Xiaomi Rechargeable Mini Fan พัดลมขนาดพกพาแบบชาร์จได้ และ Xiaomi TV A 55” ทั้งหมดนี้ พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

Xiaomi Pad 6
ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้มากขึ้นทุกวัน
Xiaomi Pad 6 เป็นแท็บเล็ตประสิทธิภาพสูงที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ ตัวอุปกรณ์นั้นใช้งาน MIUI บน Pad software ซึ่งเป็นอินเตอร์เฟสพิเศษของผู้ใช้มือถือ รวมไปถึง Xiaomi Smart Pen รุ่นที่ 2 และ Xiaomi Pad 6 Keyboard1 ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อการใช้งานอย่างไร้รอยต่อ โดย Xiaomi Smart Pen รุ่นที่ 21 ช่วยให้การจดบันทึก จับภาพหน้าจอ หรือใช้ฟังก์ชันการวาดภาพเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น และเมื่อใช้พร้อมกับ Xiaomi Pad 6 Keyboard ก็จะยิ่งทำให้ฟังก์ชันการทำงานเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก Xiaomi Pad 6 ยังมาพร้อมกล้องด้านหน้าแบบอัลตร้าไวด์ตรงกลางที่มีฟังก์ชัน FocusFrame ซึ่งจะปรับกล้องโดยอัตโนมัติในขณะที่ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้อยู่ตรงกลางของภาพอย่างชัดเจน2 และยังมาพร้อมไมโครโฟนสี่ตัวที่สามารถรับเสียงของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำและลดเสียงรบกวนได้แม้ในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน Xiaomi Pad 6 ยังมีอินเตอร์เฟส USB 3.2 Gen 1 ในตัว ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นเพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็ว และรองรับสัญญาณวิดีโอเอาต์พุตที่มีความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60Hz ที่ให้คุณมั่นใจได้ว่าจะตอบสนองความต้องการในการทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ทั้งหมด3

ไม่ว่าจะทำงานหนักหรือเล่นอย่างเต็มที่ – แท็บเล็ตนี้ก็สามารถทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน
Xiaomi Pad 6 นั้นมอบความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้งานบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การดูวิดีโอ หรือการเล่นเกม โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงส่วนตัวแบบพกพา ตัวอุปกรณ์นั้นรองรับ Dolby Vision® ที่มอบประสบการณ์ภาพที่สดใสด้วยขอบเขตสี DCI-P3 99% สำหรับ 1.07 พันล้านสี (ตามมาตรฐาน CIE 2015) และยังมีอัตราการรีเฟรชของจอแสดงผลสูงถึง 144Hz4 ที่ช่วยมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหล ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมการป้องกันแสงสีฟ้าต่ำที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงได้นานหลายชั่วโมงโดยลดความเมื่อยล้าของดวงตาและยังรองรับ Dolby Atmos® และ Hi-Res Audio พร้อมลำโพงอีกสี่ตัวที่ครอบคลุมช่วงเสียงที่หลากหลาย ตั้งแต่เสียงเบสอันทรงพลังไปจนถึงระดับเสียงสูง มอบประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะฟังดนตรีสดจากคอนเสิร์ตร็อคหรือดนตรีโอเปร่าก็ตาม

คู่หูสุดบางเฉียบและมีสไตล์เพื่อรับมือกับงานทั้งหมดของคุณ
Xiaomi Pad 6 มีความบางเบาและทนทานโดยได้รับการออกแบบตัวเครื่องแบบ Unibody ที่ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์พร้อมขอบบางเฉียบเพียง 6.51 มม. และยังได้รับการออกแบบสุดคลาสสิกที่ถอดแบบมาจากสมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi 13 Series ที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพได้อย่างมีสไตล์ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม!

Xiaomi Pad 6 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gravity Gray, Gold และ Mist Blue Xiaomi Pad 6 จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

•    รุ่นความจุ 8GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาทบนช่องทางออนไลน์ Shopee และ Lazada เท่านั้น
•    รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 9-18 สิงหาคม 2566 รับฟรีทันที ฟิล์มกันรอย เคส และอแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W รวมมูลค่า 2,979 บาท*

Redmi Watch 3 Active

Redmi Watch 3 Active มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษ 1.83 นิ้ว ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่คมชัดทุกเม็ดสี ด้วยการออกแบบ UI/UX ใหม่ ที่แสดงรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้นช่วยให้คุณดูทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่การแจ้งเตือนข้อความไปจนถึงข้อมูลการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าปัดนาฬิกามากกว่า 200 แบบ ให้คุณเปลี่ยนธีมได้ตามต้องการ สร้างความเป็นตัวตนของคุณเพียงแค่ปลายนิ้ว Redmi Watch 3 Active มีโหมดกีฬาให้คุณเลือกมากกว่า 100 โหมด รวมไปถึงโหมดกีฬาระดับมืออาชีพ (professional sports modes) 10 โหมด5 พร้อมเซ็นเซอร์ในตัวและอัลกอริทึมกีฬาระดับมืออาชีพที่สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ร่างกายของคุณเมื่อคุณเล่นกีฬาสุดโปรดของคุณในทันที และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษสูงสุด 12 วัน6 สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันตามปกติ

Redmi Watch 3 Active นั้นดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายของคุณอย่างรอบด้าน โดยสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน7 โดยตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจอยู่เสมอ การแจ้งเตือนจะถูกส่งไปถึงคุณเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจของคุณขึ้นสูง จึงเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด7 เพื่อให้คุณได้รู้เกี่ยวกับสภาพร่างกายของตนเอง โดยเซ็นเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดจะทำการแจ้งเตือนคุณเมื่อระดับออกซิเจนในเลือดนั้นต่ำลง8 ตัวเรือนนาฬิกาถูกออกแบบมาในรูปทรงของทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสุดคลาสสิกและเรียบง่าย โดดเด่นด้วยตัวเรือนที่ผ่านกระบวนการ NCVM พร้อมพื้นผิวโลหะที่ช่วยเสริมให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม นอกจากนี้ตัวอุปกรณ์ยังสามารถทำการโทรด้วยเสียงผ่านบลูทูธ9 ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบายอีกด้วย โดยคุณสามารถเชื่อมต่อนาฬิกาเข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ และรับสายโทรศัพท์บนนาฬิกาได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าคุณกำลังทำงานหรือออกกำลังกาย คุณก็สามารถยกมือขึ้นเพื่อรับสายด้วยวิธีที่สบายกว่าและสะดวกกว่าผ่านบลูทูธ และตัวอุปกรณ์ยังสามารถกันน้ำลึกได้ถึง 5ATM10 เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการเล่นน้ำได้อย่างไร้กังวล

Redmi Watch 3 Active มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ Gray วางจำหน่ายในราคา 1,490 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 1,190 บาทเท่านั้น*
Xiaomi Vacuum Cleaner G10 Plus

Xiaomi Vacuum Cleaner G10 Plus ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านของคุณง่ายขึ้น ด้วยพลังดูดอันทรงพลังสูงสุด 150AW เพื่อขจัดทุกฝุ่นสกปรก ทั้งยังมีระบบแยกฝุ่นแบบไซโคลน 12 กรวย (12-cone cyclone dust-separation system) ที่สามารแยกฝุ่นและอากาศเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้นและสกัดกั้นฝุ่นได้มากถึง 99.9% ด้วยตัวกรองถึงห้าชั้น

Xiaomi Vacuum Cleaner G10 Plus สามารถดูดฝุ่นและถูพื้นได้ในคราวเดียว (Vacuum and mop all in one go) ทำความสะอาดฝุ่นละอองและคราบน้ำได้อย่างหมดจด และยังมาพร้อมชุดหัวแปรงใหม่ 3+1 (3+1 functional brush head set) ที่ช่วยทำความสะอาดได้หลากหลายพื้นผิวและพื้นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมหัวแปรงดูดฝุ่นแบบลูกกลิ้งที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันและลดการพันกันของเส้นผมอีกด้วย (Roller brush with anti-entanglement design) ตัวอุปกรณ์ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายด้วยการล็อคเพียงปุ่มเดียว (One-button self-locking design) ให้คุณทำสะอาดได้สะดวกสบายและถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมแบตเตอรี่ใช้งานอย่างยาวนาน เพื่อการทำความสะอาดบ้านที่มีขนาดใหญ่ได้ภายในครั้งเดียว พร้อมหน้าจอ LED สำหรับสั่งการการใช้งานคุณภาพสูง ทำให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะการทำความสะอาดได้อย่างรวดเร็ว
Xiaomi Vacuum Cleaner G10 Plus วางจำหน่ายในราคา 9,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 8,990 บาทเท่านั้น*
Xiaomi Outdoor Camera AW300

กล้องวงจรปิดนอกอาคาร Xiaomi Outdoor Camera AW300 มาพร้อมความคมชัดระดับอัลตร้า HD 2K ความละเอียดกว่า 3 ล้านพิกเซล ให้คุณสามารถบันทึกทุกความเคลื่อนไหวหน้าประตูได้อย่างชัดเจนทุกช่วงเวลาในทุกสภาพแวดล้อมตลอด 24 ชั่วโมง ตัวอุปกรณ์ยังสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบ AI ขั้นสูง โดยมีเทคโนโลยีการจดจำรูปร่างมนุษย์และสามารถทำการแจ้งเตือนได้ตามการตั้งค่าของผู้ใช้งาน ตัวกล้องสามารถใช้งานร่วมกับกูเกิลและ Alexa ได้อีกด้วย พร้อมกันน้ำและฝุ่นได้ถึง IP66 ให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและหายห่วง
Xiaomi Outdoor Camera AW300 วางจำหน่ายในราคา 1,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 1,390 บาทเท่านั้น*
Xiaomi Rechargeable Mini Fan

พัดลมขนาดพกพาแบบชาร์จได้ Xiaomi Rechargeable Mini Fan ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งแบบตั้งโต๊ะและพกพา ขนาดกระทัดรัดและสวยงามสามารถเข้าได้กับทุกการตกแต่ง ตัวอุปกรณ์มาพร้อมมอเตอร์แบบ Brushless DC motor ทำให้เสียงนั้นเงียบมาก ตัวใบพัดทำจากวัสดุไบโอนิคจึงทำให้อ่อนโยนและมีรัศมีของลมหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น และยังใช้งานได้ยาวนานถึง 18.5 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 4000mAh และหัวชาร์จแบบ Type-C ที่สามารถชาร์จได้ทุกที่ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถปรับพัดลมได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนได้ถึง 90 องศา รวมไปถึงการตั้งค่าการหมุนคู่ การพัดอากาศแบบสามมิติในมุมกว้างและปรับระดับความเร็วได้ถึง 4 แบบอีกด้วย
Xiaomi Rechargeable Mini Fan วางจำหน่ายในราคา 999 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 799 บาทเท่านั้น*
Xiaomi TV A 55”

Xiaomi TV A 55” เป็นสมาร์ททีวีที่มาพร้อมหน้าจอแบบ 4K Ultra HD ที่ให้ความละเอียดคมชัดสมจริงด้วย Dolby Vision® ในดีไซน์พรีเมี่ยมสวยงามด้วยเฟรมอะลูมิเนียมอัลลอยแบบไร้ขอบจอแต่มีความแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ Xiaomi TV A 55” มาพร้อมระบบ Google TV ให้คุณสามารถโหลดแอปเพื่อดูหนังดูซีรีย์ได้มากกว่า 7 แสนเรื่อง และยังสามารถเป็น Hub เพื่อใช้ควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านอื่นๆ ของ Xiaomi ผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Home ในทีวีได้อีกด้วย

Xiaomi TV A 55” วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท ผ่านทางช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada เท่านั้น
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 9-31 สิงหาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 12,990 บาทเท่านั้น*

หมายเหตุ
Xiaomi Smart Pen (2nd generation) และ Xiaomi Pad 6 Keyboard จำหน่ายแยก ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค
คุณลักษณะและฟังก์ชันของเครื่องมือการประชุมมีเฉพาะใน Messenger, WhatsApp, WhatsApp Business, Zoom, Google Meet, Microsoft Teams
เอาต์พุตวิดีโอ 4K 60Hz ใช้ได้กับอุปกรณ์แสดงผลภายนอกที่รองรับ DisplayPort และสายเชื่อมต่อหรืออะแดปเตอร์ที่รองรับเอาต์พุตวิดีโอ 4K 60Hz เท่านั้น อุปกรณ์แสดงผลภายนอกควรรองรับการเล่นวิดีโอ 4K 60Hz และสัญญาณวิดีโอเอาต์พุตต้องเป็นความละเอียด 4K ที่ 60Hz
อัตราการรีเฟรชจะถูกปรับเป็น 30/48/50/60/90/120/144Hz โดยอัตโนมัติบน Xiaomi Pad 6 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าอัตราการรีเฟรชเป็น 60/90/144Hz ได้ด้วยตนเอง

10 โหมดกีฬาระดับมืออาชีพ: วิ่งกลางแจ้ง, ลู่วิ่ง, ปั่นจักรยานกลางแจ้ง, เดิน, เดินป่า, วิ่งเทรล, เดินป่า, เดินวงรี, กรรเชียงบก, กระโดดเชือก
โหมดการใช้งานทั่วไป เงื่อนไขการทดสอบ 12 วันสำหรับ Redmi Watch 3 Active แบบชาร์จเต็ม, การตั้งค่าเริ่มต้นจากโรงงาน, ตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจทุกๆ 10 นาที, ปิดการตรวจสอบการนอนหลับที่แม่นยำสูง, รับและแสดงข้อความแจ้งเตือน 100 ข้อความต่อวัน, ตั้งปลุก 3 ครั้งต่อวัน, เปิดหน้าจอให้สว่างขึ้น 200 ครั้งต่อวัน, รับการแจ้งเตือนสายเรียกเข้า 2 ครั้งต่อวัน การโทรผ่านบลูทูธ 15 นาทีต่อสัปดาห์ ออกกำลังกาย 90 นาทีต่อสัปดาห์ และการตั้งค่าอื่นๆ ทั้งหมดตามค่าเริ่มต้น

ต้องตั้งค่าการเตือนอัตราการเต้นของหัวใจและการแจ้งเตือนออกซิเจนในเลือดต่ำในแอป Mi fitness
ผลิตภัณฑ์นี้และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์และไม่ได้ใช้เพื่อทำนาย วินิจฉัย ป้องกัน หรือรักษาโรคแต่อย่างใด
ขณะนี้ยังไม่รองรับการโทรด้วยเสียงจากแอปของบุคคลที่สาม

ระดับการกันน้ำที่ 5ATM (เทียบเท่าความลึกใต้น้ำ 50 เมตร) หมายความว่าสามารถสวมใส่ในสระว่ายน้ำ ระหว่างว่ายน้ำบนสันทราย และกิจกรรมน้ำตื้นอื่นๆ ได้ ไม่เหมาะสำหรับใส่อาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือขณะดำน้ำ ควรหลีกเลี่ยงกระแสน้ำความเร็วสูงระหว่างการเล่นกีฬาทางน้ำ ฟังก์ชันกันน้ำนั้นไม่ถาวรและอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนดและของสมนาคุณแต่ละรายการมีจำนวนจำกัด

5
สร้างรายได้ จากการขายข้าวผัดรถไฟ ข้าวผัดโบราณหอมๆ ทำง่ายๆ แต่อร่อยมาก

อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่เข้มข้นและความหลากหลายของอาหารและหนึ่งในเมนูที่ทำง่ายที่สุดแต่ให้ความพึงพอใจมากที่สุดคือข้าวผัดรถไฟอาหารจานเดียวคลาสสิกนี้มีประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ รสชาติที่อร่อยและทำได้ง่ายมากที่บ้าน ข้าวผัดรถไฟมีรสชาติหวานเค็มกลมกล่อม เป็นเมนูที่นิยมรับประทานกันทั่วไป สามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามความชอบ

ประวัติความเป็นมาของข้าวผัดรถไฟไทย
ข้าวผัดรถไฟไทยได้ชื่อมาจากระบบรถไฟของประเทศไทย เป็นอาหารยอดนิยมที่เสิร์ฟตามสถานีรถไฟและบนรถไฟ เนื่องจากปรุงง่าย ราคาไม่แพง และบรรจุหีบห่อเพื่อเดินทางได้สะดวก แตกต่างจากข้าวผัดทั่วไป อาหารจานนี้มีกลิ่นหอมของควัน รสชาติหวานและเผ็ดเล็กน้อย และผสมผสานส่วนผสมที่เรียบง่ายได้อย่างลงตัว

ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดรถไฟไทย
เคล็ดลับในการทำข้าวผัดรถไฟแท้ๆคือการใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย:
ข้าวหอมมะลินึ่งสุก (ควรใช้ข้าวเหลือจะอร่อยยิ่งขึ้น)
ไข่
กระเทียมสับ
หอมหัวใหญ่ (หั่นบาง)
ไส้กรอกจีนหรือโปรตีนชนิดใดก็ได้ตามต้องการ เช่น ไก่ หมู หรือกุ้ง
ซอสมะเขือเทศ (ให้สีแดงเป็นเอกลักษณ์และมีรสหวานเล็กน้อย)
ซีอิ๊วขาวและซอสหอยนางรม (เพื่อรสชาติอูมามิ)
น้ำตาล (เพื่อความสมดุลของรสชาติ)
ต้นหอมซอยสำหรับตกแต่ง
แตงกวาหั่นเป็นแว่น (สำหรับเสิร์ฟ)


วิธีทำข้าวผัดรถไฟ

ปฏิบัติตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้เพื่อสร้างเมนูรสชาติดีนี้ที่บ้าน:
เตรียมข้าว – ใช้ข้าวเหลือที่เย็นเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวนิ่มเกินไป
ปรุงโปรตีน – หากใช้กุนเชียง ให้หั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วผัดจนกรอบเล็กน้อย หากใช้ไก่ หมู หรือกุ้ง ให้ปรุงด้วยน้ำมันเล็กน้อยจนสุกเต็มที่
ผัดให้หอม – ใส่กระเทียมสับและหัวหอมหั่นบางลงในกระทะ ผัดจนหอม
ใส่ไข่ – ย้ายส่วนผสมไปไว้ด้านใดด้านหนึ่งของกระทะ ตอกไข่ลงในช่องว่าง จากนั้นคนให้เข้ากันก่อนที่จะผสมกับส่วนผสมที่เหลือ
ใส่ข้าวลงไป – ใส่ข้าวสวยและคนให้เข้ากันกับส่วนผสมอื่นๆ
ปรุงรสจาน – ใส่ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม น้ำตาลเล็กน้อย และซอสมะเขือเทศ จากนั้นผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ผัดจนข้าวเคลือบทั่วและมีกลิ่นหอมควันเล็กน้อย
ตกแต่งให้สวยงามด้วยต้นหอมซอยด้านบนและเสิร์ฟพร้อมแตงกวาสด


ทำไมคุณควรลองข้าวผัดรถไฟไทย

รวดเร็วและง่ายดาย – เมนูที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันยุ่งๆ ใช้เวลาปรุงเพียง 10-15 นาที
ประหยัดงบประมาณ – ใช้ส่วนผสมง่ายๆ ในราคาไม่แพงที่พบได้ในห้องครัวส่วนใหญ่
ความสมดุลของรสชาติที่ยอดเยี่ยม – การผสมผสานระหว่างรสชาติเผ็ด รสหวาน และรสควันทำให้กลายเป็นที่ชื่นชอบสำหรับทุกวัย
อเนกประสงค์ – สามารถทำได้ด้วยโปรตีนและผักหลายชนิดตามความชอบ

ข้าวผัดรถไฟไทยไม่เพียงแต่เป็นอาหารรสเลิศเท่านั้น แต่ยังเป็นเมนูที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาอาหารกลางวันด่วน อาหารเย็นอิ่มอร่อย หรือสัมผัสประสบการณ์วัฒนธรรมทางรถไฟของไทยแบบย้อนยุค ข้าวผัดที่ทำง่ายนี้เป็นเมนูที่ต้องลอง


6
การจัดเก็บผ้ากันไฟ ที่ถูกวิธี

การจัดเก็บผ้ากันไฟอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้นนี้ เพื่อให้พร้อมใช้งานได้ทันทีในกรณีฉุกเฉิน โดยมีแนวทางการจัดเก็บดังนี้ครับ:

1. เก็บในบรรจุภัณฑ์เดิม:

ผ้ากันไฟส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับซองหรือกล่องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ควรเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมเสมอ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง ความชื้น และความเสียหายทางกายภาพอื่นๆ


2. เก็บในที่ที่เข้าถึงง่ายและมองเห็นชัดเจน:

ติดตั้งหรือวางผ้ากันไฟในตำแหน่งที่ทุกคนในบ้านหรือโรงงานสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายในกรณีฉุกเฉิน
ควรติดตั้งในบริเวณที่มองเห็นได้ชัดเจน และมีป้ายสัญลักษณ์บ่งบอกตำแหน่ง (ถ้ามี)


3. หลีกเลี่ยงความร้อนสูงและแสงแดดโดยตรง:

การสัมผัสกับความร้อนสูงหรือแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุของผ้ากันไฟเสื่อมสภาพ กรอบ หรือสูญเสียคุณสมบัติในการทนความร้อน


4. หลีกเลี่ยงความชื้นและสารเคมี:

ความชื้นอาจทำให้ผ้ากันไฟเสื่อมสภาพ หรือเกิดเชื้อรา
สารเคมีบางชนิดอาจทำลายเส้นใยของผ้ากันไฟ ควรเก็บให้ห่างจากบริเวณที่มีสารเคมี


5. เก็บในที่ที่ไม่ถูกกดทับ:

ไม่ควรวางของหนักทับผ้ากันไฟ เพราะอาจทำให้ผ้าเสียรูปทรง หรือเกิดความเสียหายต่อเนื้อผ้า


6. ติดตั้งอย่างมั่นคง (สำหรับแบบแขวน):

หากเป็นผ้ากันไฟแบบแขวนผนัง ควรติดตั้งซองหรือกล่องให้มั่นคงกับผนัง เพื่อป้องกันการหลุดร่วง


7. ตรวจสอบความพร้อมใช้งานเป็นประจำ:

แม้จะจัดเก็บอย่างถูกวิธีแล้ว ควรตรวจสอบสภาพของบรรจุภัณฑ์และการเข้าถึงผ้ากันไฟเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมใช้งานเสมอ


ตำแหน่งที่แนะนำสำหรับการจัดเก็บผ้ากันไฟ:

บ้าน:
ห้องครัว: ใกล้บริเวณเตาและอ่างล้างจาน แต่ไม่ใกล้แหล่งความร้อนโดยตรง
ห้องนั่งเล่น: ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยง (เช่น เตาผิง)
ห้องนอน: ใกล้เครื่องทำความร้อน (ถ้ามี)

โรงงาน:
ใกล้บริเวณเครื่องจักรที่มีความร้อนสูง
ใกล้บริเวณที่มีการใช้สารไวไฟ
ในห้องควบคุมไฟฟ้า
ตามทางเดินและจุดอพยพ


ข้อควรจำ:

บอกให้ทุกคนในบ้านหรือโรงงานทราบถึงตำแหน่งที่จัดเก็บผ้ากันไฟ และวิธีการใช้งาน
การจัดเก็บที่ถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของผ้ากันไฟ
การปฏิบัติตามแนวทางการจัดเก็บผ้ากันไฟที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้นนี้จะอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณในสถานการณ์ฉุกเฉินครับ

7
เด็กที่มีปัญหาสุขภาพฟันแบบไหน ที่ควรเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพปากและฟัน มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมีมากมายมีผลกระทบกระเทือนต่อภาวะโภชนาการของเด็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่สามารถป้องกันได้เกือบทั้งสิ้น การดูแลสุขภาพฟันในเด็กถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่ดูแลเอาใจใส่ให้มาก ควรปลูกฝังให้เด็กฝึกหัดแปรงฟันอย่างถูกวิธี หมั่นตรวจฟันลูกหรือหัดให้ลูกตรวจฟันด้วยตนเองทุก ๆ วันหลังแปรงฟัน และควรพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี


นอกจากนี้สุขภาพช่องปากและฟัน สามารถดูแลรักษาและบำรุงได้ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้สด และนมสด เพื่อที่จะได้กระตุ้นขากรรไกรของเด็กให้เจริญเติบโตได้สัดส่วน และควรจะให้เด็กลดการกินลูกอม ขนมหวานหรืออาหารที่เป็นการทำลายฟันด้วย ในปัจจุบันวงการทันตกรรมได้มีการพัฒนา โดยเด็กสามารถจัดฟันได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีฟันน้ำนมอยู่ก็ตาม เพราะเป็นการแก้ปัญหาฟันผิดปกติของเด็ก ๆ โดยไม่ต้องรอให้โต โดยช่วยให้สุขภาพฟันดี และรองรับการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ด้วย

โดยการ จัดฟันในเด็ก สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็ก ๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรกลังเจริญเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ข้อดีของการจัดฟันในเด็ก ก็คือ ทำให้การขึ้นของฟันแท้ สามารถขึ้นได้อย่างถูกต้อง และจะไม่มีความผิดปกติในการขึ้นของฟันแท้


ทั้งยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหา ความผิดปกติของโครงหน้าได้อีกด้วย พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นดูแล สังเกตความผิดปกติของฟันของเด็กอย่างสม่ำเสมอ หากมีความผิดปกติหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ควรรีบพาไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ที่คลินิกเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากของเด็ก และยังมีบริการการจัดฟันในเด็ก ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันของเด็กได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กเติมโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในรอยยิ้มและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

สำหรับสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กควรเข้ารับการจัดฟันเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติ คือเด็กที่มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่มีปัญหาฟันหน้ายื่น เพราะปัญหาดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแตกหักของตัวฟัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได ซึ่งอาจจะได้รับอันตรายต่อสุขภาพฟันอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุ

และเด็กที่มีปัญหาการที่ฟันสบกันผิดปกติ เพราะอาจทำให้ขากรรไกรเติบโตแบบไม่สมดุลกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการขึ้นของฟันแท้ได้ เด็กที่มีปัญหาช่องฟันห่าง เพราะช่วยปรับให้ซี่ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และง่ายต่อการขึ้นของฟันแท้ เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของขากรรไกรไม่ได้สัดส่วนกับหน้า เพราะเจริญเติบโตผิดปกติ

การกลืนอาหารผิดปกติ นอกจากนี้การจัดฟันในเด็กยังสามารถครอบคลุมไปถึงปัญหาพฤติกรรมของเด็ก คือ

    เด็กที่ดูดนิ้ว
    กัดเล็บ
    กัดสิ่งของเป็นประจำ
    นอนหายใจทางปาก

ซึ่งการจัดฟันก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วย หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำหรือพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากก่อนได้ จากทางคลินิกทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดฟันในเด็ก ยินดีให้คำปรึกษา เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษาความสะอาดและใส่ใจสุขภาพช่องปากและฟันด้วย

8
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


9
Doctor At Home: มะเร็งผิวหนัง (Skin cancer)

มะเร็งผิวหนัง เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยทั้งในผู้ชายและผู้หญิง พบได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว และพบมากขึ้นตามอายุ มักพบบ่อยในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ พบมากเป็นอันดับที่ 8 ของมะเร็งในผู้ชาย และอันดับที่ 9 ของมะเร็งในผู้หญิง

ส่วนใหญ่เป็นมะเร็งชนิดอ่อน ลุกลามช้า ไม่แพร่กระจาย ได้แก่ มะเร็งเซลล์หนังกำพร้าชั้นตื้น (squamous cell carcinoma ซึ่งพบได้น้อยกว่าชนิดอื่น) และมะเร็งเซลล์หนังกำพร้าชั้นฐาน (basal cell carcinoma)

ส่วนน้อยเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรง ได้แก่ มะเร็งเซลล์สร้างเม็ดสี (melanoma/malignant melanoma) ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปทั่วร่างกายได้ หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายใน 1 ปี

สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสแสงแดด (แสงอัลตราไวโอเลต) มากเกินเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ การสัมผัสสารก่อมะเร็ง (เช่น สารหนู น้ำมันดิน พารัฟฟิน เรเดียม เป็นต้น) การถูกรังสีเอกซเรย์ในปริมาณสูง การกินสารหนูที่ผสมอยู่ในยาจีน ยาไทย การอักเสบหรือการบาดเจ็บของผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบ (eczema) การสัก แผลเป็นจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การสูบบุหรี่ การมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่น เอดส์) การมีประวัติมะเร็งผิวหนังในครอบครัว

อาการ

มะเร็งหนังกำพร้าชั้นตื้น มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงลักษณะหยุ่น ๆ อาจแตกเป็นแผล เลือดออกง่าย หรือมีลักษณะเป็นปื้นแบนราบ ผิวเป็นขุยหรือตกสะเก็ด มักพบที่ใบหน้า ริมฝีปาก หู คอ มือ หรือแขน

มะเร็งหนังกำพร้าชั้นฐาน มีลักษณะเป็นตุ่มนูนใส ขอบม้วน สีคล้ายขี้ผึ้งหรือไข่มุก อาจแตกเป็นแผล มีเลือดออกง่าย มักพบที่ใบหน้า หู คอ บางรายอาจมีอาการเป็นปื้นแบนราบแข็งติดกับผิวหนัง สีเดียวกับสีผิวหรือสีน้ำตาล มักพบที่หน้าอกหรือหลัง

มะเร็งเซลล์สร้างเม็ดสี มีลักษณะเป็นไฝ ขี้แมลงวัน หรือจุดดำบนผิวหนังที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ เช่น มีสีคล้ำมากขึ้น หรือบางจุดในเม็ดไฝมีสีแตกต่างจากจุดอื่น มีอาการปวดหรือคัน หรือลอกมีเกล็ดขุย มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหล มีขนาดโตขึ้น (มากกว่า 6 มม.) มีการกระจายของเม็ดสีไปรอบ ๆ เม็ดไฝ ไฝกลายเป็นแผลหรือมีเลือดออก หรือกลายเป็นก้อนแข็ง ผิวหยาบ


ภาวะแทรกซ้อน

สำหรับมะเร็งเซลล์สร้างเม็ดสี หากปล่อยไว้มักแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ที่พบได้บ่อยคือ ปอด ตับ สมอง ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน อาทิ

    ปอด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ภาวะมีน้ำหรือเลือดในช่องเยื่อหุ้มปอด หายใจลำบาก
    ตับ ทำให้เจ็บใต้ชายโครงขวา อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตัวเหลืองตาเหลือง มีน้ำในท้อง (ท้องมาน)
    สมอง ทำให้ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชาและเป็นอัมพาต ชัก หมดสติ สมองเสื่อม บุคลิกภาพเปลี่ยนไปจากเดิม


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตัดเนื้อเยื่อผิวหนังตรงบริเวณที่เป็นรอยโรคไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ (skin biopsy)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดรอยโรคออกไป

ในรายที่พบระยะแรกและมีขนาดเล็ก อาจจี้ด้วยความเย็น (cryosurgery)

ถ้าเป็นส่วนผิวอาจใช้แสงเลเซอร์รักษา

ถ้าเป็นที่ติ่งหู หนังตา หรือปลายจมูกอาจใช้รังสีบำบัด (ฉายรังสี)

ถ้าแผลลึกอาจต้องทำการปลูกถ่ายผิวหนัง

ในรายที่เป็นมะเร็งเซลล์สร้างเม็ดสี หากมีการแพร่กระจายไปแล้ว ก็จะให้รังสีบำบัดร่วมกับการให้ยารักษามะเร็ง เช่น การให้ยารักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (targeted therapy), อิมมูนบำบัด (immunotheraphy, เคมีบำบัด) เพื่อชะลอการเจริญของมะเร็ง บรรเทาอาการของโรค และทำให้อยู่รอดนานขึ้น

ผลการรักษา หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม มักจะได้ผลดี และหายขาดได้

บางรายในเวลาต่อมาอาจมีมะเร็งกำเริบได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเซลล์สร้างเม็ดสี แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจเช็กอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีแผลเรื้อรังที่ผิวหนังนานเกิน 2-3 สัปดาห์ ผิวหนังเป็นปื้นแบนราบ ผิวเป็นขุยหรือตกสะเก็ด หรือเป็นปื้นแบนราบแข็งติดกับผิวหนัง สีเดียวกับสีผิวหรือสีน้ำตาล เป็นตุ่มนูนใส ขอบม้วน สีคล้ายขี้ผึ้งหรือไข่มุก หรือมีหูด ไฝ ปาน หรือแผลเป็น ที่มีการเปลี่ยนแปลง (เช่น สีเปลี่ยน โตเร็ว แตกเป็นแผล มีเลือดออก เป็นต้น) ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด เวลาออกไปกลางแจ้งควรทายากันแดด สวมหมวก และแว่นตากันแสงอัลตราไวโอเลต
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อมะเร็ง และการกินยาจีน ยาไทยที่ผสมสารหนู
    ไม่สูบบุหรี่


ข้อแนะนำ

1. หมั่นตรวจดูผิวหนังทั่วร่างกายเป็นระยะ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงผิดสังเกต เช่น หูด ไฝ ขี้แมลงวัน ปาน แผลเป็น ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

2. สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ทำงานอยู่กลางแดด มีประวัติมะเร็งผิวหนังในครอบครัว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละครั้ง

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
ปล่อยรถป้ายแดง BMW 320Li M Sport ปี 2023 ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW Series 3 320Li M Sport ปี 2023
BMW 320Li M Sport  ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 – 4,400 รอบต่อนาที โลดแล่นด้วยความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.9 วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 233 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard) และจะปรับเป็น 2,789,000 บาท ในวันที่ 1 มกราคม 2025

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 เม.ย. 2568
BSI 5 ปี
Warranty เริ่มต้น 6 มิถุนายน 2024

ราคาพิเศษ 2,560,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                    เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000 - 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350 - 4,000 รอบต่อนาที

ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,998 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    184 แรงม้า
ระบบเกียร์                      เกียร์ออโต้ 8AT
รูปแบบเกียร์                    พร้อม Sport Steptronic
ระบบเบรค ABS               มี (พร้อมระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) และระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง       เบนซิน 95,เบนซิน 91,แก๊สโซฮอล์ 95 (E10),แก๊สโซฮอล์ 91
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)        N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน                Injection
น้ำหนักตัวรถ                    -
ประเภทยางรถยนต์             -
ขนาดล้อ (นิ้ว)               ล้ออัลลอย (ขนาด 18 นิ้ว ลาย V-spoke แบบสลับสี)
ระบบขับเคลื่อน               ขับเคลื่อนล้อหลัง




12
บริการทำความสะอาด: ท่อน้ำทิ้ง สะอาด ไร้กลิ่นกวนใจ

หากพูดถึงระบบของท่อประปานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญของที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานเพราะน้ำที่เราใช้อยู่ทุกวัน มีความสกปรก มีสิ่งปนเปื้อนและมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แน่นอนว่าส่งผลต่อสุขอนามัยของผู้ใช้อย่างแน่นอน ดังนั้น การที่ดูแลน้ำให้มีความสะอาด พร้อมใช้งานก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากนอกจากการที่เราบำรุงรักษาและทำความสะอาดถังเก็บน้ำทุก 6 เดือนแล้ว

ท่อน้ำทิ้งก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีสำคัญที่ควรทำความสะอาดเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นเหม็น และสิ่งสกปรกเกิดการอุดตันการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง จะเป็นการฆ่าเชื้อโรคอีกทางหนึ่ง เพื่อให้เราสามารถใช้น้ำได้อย่างปลอดภัยและยิ่งถ้าหากเราประสบกับปัญหาท่อน้ำทิ้งอุดตัน ก็จะยิ่งที่แหล่งสะสมของเชื้อโรคชั้นดีเลยทีเดียวทำให้ห้องน้ำหรือบริเวณที่มีท่อน้ำทิ้งอุดตันมีความสกปรกได้ หลายบ้าน
หรือหลายสำนัก คงเคยประสบกับปัญหาท่อน้ำทิ้งอุดตัน

ซึ่งเป็นปัญหาที่กวนใจเหล่าแม่บ้านเป็นอย่างมาก นอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว รบกวนเราแล้วยังทิ้งคราบสกปรกที่แก้ไขยากเอาไว้ด้วย และวันนี้เราจึงจะมาแนะนำเคล็ดลับการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งให้สะอาด ไร้กลิ่นกวนใจ เพื่อช่วยให้เราได้มีระบบประปาที่ดีและไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำรั่วซึมรบกวนพื้นที่อื่นๆภายในบ้านหรือสำนักงานอีกด้วย

สำหรับเคล็ดลับทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ก็สามารถทำได้ง่ายๆซึ่งวิธีการแก้ไขในเบื้องต้นที่หลายคนอาจจะเคยลองทำมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ การใช้ที่ปั๊มส้วม แต่เราต้องปั๊มด้วยวิธีที่ถูกต้องโดยการครอบที่ปั๊มลงไปที่ปากท่อ นำผ้าเปียกมาคลุมไว้รอ ๆ ที่ปั๊มแล้วทำการปั๊มขึ้น-ลงประมาณ 6-10 ครั้งเพื่อดึงเอาสิ่งที่อุดตันอยู่ในท่อขึ้นมา นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นที่ได้ผลเหมือนกัน
เป็นการทำความสะอาดทำให้สิ่งที่อุดตันอยู่ภายในท่อขึ้นมา

และอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เรานำมาฝากแม่บ้านกันก็คือวิธีการใช้น้ำยาล้างจานการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง เพื่อลดคราบไขมันที่เกาะอยู่ภายในท่ออันเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาท่อน้ำทิ้งอุดตัน

นั่นก็คือ การใช้น้ำยาล้างจานที่เราสามารถหาในได้บ้านของเรา โดยเทน้ำยาล้างจานลงไปในท่อประมาณ ¼ ถ้วยตวงแล้วตามด้วยน้ำต้มเดือด น้ำยาล้างจานจะลงไปกัดคราบไขมันให้หลุดออกจากท่อแต่ในวิธีนี้แม่บ้านควรที่จะสวมถุงมือเพื่อป้องกันเชื้อโรค แล้วล้วงมือลงไปดึงเศษขยะที่ติดอยู่ภายในท่อน้ำทิ้งออกมา

แต่ถ้าหากคุณแม่บ้านต้องเจอกับปัญหาท่อน้ำทิ้งอุดตันขั้นรุนแรงก็ควรที่จะถอดท่อน้ำออกมาทำความสะอาด ก่อนทำคุณแม่บ้านจะต้องปิดวาล์วน้ำให้น้ำหยุดไหลก่อนแล้วนำถาดมารองไว้ใต้ท่อน้ำด้านล่าง จากนั้นค่อยๆ ถอดท่อน้ำข้อต่อระหว่างอ่างกับผนังออกมาทีละส่วนแล้วใช้แปรงสีฟันขัดถูทำความสะอาดสิ่งอุดตันออกให้หมด จากนั้นนำที่ปิดน้ำตรงปากท่อน้ำทิ้งออกมาทำความสะอาดแล้วจัดการต่อท่อกลับไปให้เหมือนเดิม แต่วิธีนี้อาจจะยากนิดหน่อยแต่ก็ช่วยทำให้ท่อน้ำทิ้งในบ้านของเรากลับมาสะอาดและมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้อีกครั้งนอกจากเราจะมีระบบประปาที่ดีแล้ว ยังช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค ก็ยังทำให้กลิ่นของน้ำสะอาด สดชื่นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทางเราอยากให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเริ่มจากการที่เราได้อาศัยหรืออยู่ในที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัยทางเรามีบริการดูแลในเรื่องของระบบการประปา เพราะเราเล็งเห็นว่า น้ำคือปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์เราสามารถใช้น้ำในประโยชน์ต่างๆและในชีวิตประจำวันของเรา

ทางเราจึงมีบริการตรวจสอบและมีการวางระบบน้ำประปาที่จะนำมาใช้ในอาคารและสะดวกต่อการบำรุงรักษาเพื่อประสิทธิภาพตลอดจนอายุการใช้งานที่ยาวนานเพื่อให้คุณได้ใช้น้ำอย่างปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น

13
วัดสะแล่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปีแนะนำใส่ชุดขาวปฏิบัติธรรมเจริญจิตภาวนา ตั้งสติ สมาธิ ปัญญา

วัดสะแล่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรม ตั้งอยู่ที่จังหวัดแพร่เป็นวัดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศาสนา ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและสถาปัตยกรรมที่งดงามเหมาะใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดสะแล่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 1,300 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี

เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระธาตุพระอุระของพระพุทธเจ้าและมีตำนานเล่าขานถึงการถวายดอกสะแล่งของชายาเจ้าเมือง จนเป็นที่มาของชื่อวัด วัดแสลงตั้งอยู่ในภูมิทัศน์อันเงียบสงบของจังหวัดแพร่ เป็นอัญมณีที่ซ่อนเร้นสำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบ การเติบโตทางจิตวิญญาณ และความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระพุทธศาสนา วัดอันเงียบสงบแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการฝึกฝนธรรมะในสภาพแวดล้อมที่สงบและเป็นมิตร

การค้นพบวัดแสลง
วัดแสลงตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทอันเงียบสงบของจังหวัดแพร่ รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและเสียงธรรมชาติที่ผ่อนคลาย สถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายแต่สวยงามของวัดสะท้อนถึงการออกแบบแบบภาคเหนือของไทยดั้งเดิม สร้างบรรยากาศที่กลมกลืนซึ่งส่งเสริมการทำสมาธิและการมีสติ

การปฏิบัติธรรม ณ วัดแสลง
วัดแห่งนี้มีกิจกรรมปฏิบัติธรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น การปฏิบัติธรรมแบบปฏิบัติธรรม เทศนาธรรม และการอบรมเจริญสติ กิจกรรมเหล่านี้จะนำโดยพระภิกษุผู้มีประสบการณ์ ซึ่งจะให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเน้นที่การมีสติ ความเมตตา และความสงบภายใน

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นหรือผู้ปฏิบัติธรรมที่มีประสบการณ์ วัดสลังงมีสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเข้าใจธรรมะได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การทำสมาธิจะจัดขึ้นในห้องปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบของวัดซึ่งมองเห็นป่าโดยรอบ เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการไตร่ตรองอย่างเงียบสงบและการเติบโตทางจิตวิญญาณ

ประโยชน์ทางจิตวิญญาณจากการปฏิบัติธรรม
การปฏิบัติธรรมที่วัดแสลงช่วยให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้มีจิตใจสงบและแจ่มใส สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบของวัดช่วยตัดขาดจากสิ่งรบกวนในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถมุ่งความสนใจไปที่การเดินทางทางจิตวิญญาณได้ การทำสมาธิและการมีสติช่วยให้ผู้มาเยี่ยมชมมีความตระหนักรู้ในความคิดและอารมณ์ของตนเองมากขึ้น ส่งผลให้จิตใจเข้มแข็งขึ้นและมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น

สำรวจจังหวัดแพร่
แม้ว่าวัดแสลงจะเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการปฏิบัติธรรม แต่พื้นที่โดยรอบจังหวัดแพร่ยังมีโอกาสเพิ่มเติมสำหรับการสำรวจและการไตร่ตรองอีกด้วย แพร่มีชื่อเสียงในเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า รวมถึงวัดที่สวยงาม บ้านไม้แบบดั้งเดิม และทิวทัศน์ที่งดงาม หลังจากปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว ให้ใช้เวลาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่น เช่น วัดพระธาตุช่อแฮ สวนป่าแพะเมืองพี และถนนสายอันมีเสน่ห์ในเมืองเก่าแพร่

วัดแสลงในจังหวัดแพร่ไม่ได้เป็นเพียงวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและสัมผัสกับประโยชน์อันล้ำลึกของการเจริญสติและการทำสมาธิ ไม่ว่าคุณจะมาเยี่ยมชมเป็นเวลาหนึ่งวันหรือมาปฏิบัติธรรมเป็นเวลานาน บรรยากาศอันเงียบสงบและคำแนะนำทางจิตวิญญาณที่วัดแสลงจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น มีสมาธิ และเชื่อมต่อกับตัวตนภายในของคุณมากขึ้น

14
Doctor At Home: เบาหวาน (Diabetes mellitus/DM)

เบาหวาน เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการนำน้ำตาลไปใช้ประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับความบกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา

ในบ้านเราพบโรคนี้ประมาณร้อยละ 9 ของประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป และพบเป็นมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ผู้ที่มีอายุ 15-29 ปีพบได้ประมาณร้อยละ 2 ในขณะที่อายุ 60-69  ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละประมาณ 20

ผู้ที่เป็นเบาหวานมักมีประวัติว่ามีพ่อแม่ หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ และมักมีภาวะน้ำหนักเกินร่วมด้วย

สาเหตุ

เกิดจากความพบพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน

อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน (ส่วนที่เรียกว่า บีตาเซลล์) ทำหน้าที่ช่วยนำน้ำตาลหรือกลูโคสในเลือด (ซึ่งได้จากอาหารที่กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต ของหวาน) เข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกาย เพื่อเผาผลาญให้เป็นพลังงานสำหรับการทำหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ

ผู้ที่เป็นเบาหวานจะพบว่าตับอ่อนผลิตอินซูลินได้น้อยหรือไม่ได้เลย หรือผลิตได้ปกติ แต่ประสิทธิภาพของอินซูลินลดลง (เรียกว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลิน หรือ insulin resistance เช่นที่พบในคนอ้วน) เมื่อขาดอินซูลินหรืออินซูลินทำหน้าที่ไม่ได้ น้ำตาลในเลือดจึงเข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ได้น้อยกว่าปกติ จึงเกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือด และน้ำตาลก็ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ จึงเรียกว่า เบาหวาน

ผู้ป่วยที่เป็นมาก คือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก มักจะมีอาการปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำออกมาด้วย จึงทำให้มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ก็ทำให้รู้สึกกระหายน้ำต้องคอยดื่มน้ำบ่อย ๆ และเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงานจึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

นอกจากนี้ การมีน้ำตาลในเลือดสูงนาน ๆ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนมากมาย

เบาหวานสามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ซึ่งมีสาเหตุ ความรุนแรง และการรักษาต่างกัน ที่สำคัญได้แก่

1. เบาหวานชนิดที่ 1 (type 1 diabetes mellitus) เป็นชนิดที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรงและอันตรายสูง มักพบในเด็กและผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ก็อาจพบในผู้สูงอายุได้บ้าง ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้จะผลิตอินซูลินไม่ได้เลยหรือได้น้อยมาก เชื่อว่าร่างกายมีการสร้างสารภูมิต้านทานขึ้นต่อต้านทำลายตับอ่อนของตนเองจนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ดังที่เรียกว่า โรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune) ทั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ร่วมกับการติดเชื้อ หรือการได้รับสารพิษจากภายนอก

ผู้ป่วยจะมีรูปร่างผอม มีอาการของโรคชัดเจน และจำเป็นต้องพึ่งพาการฉีดอินซูลินเข้าทดแทนทุกวันไปตลอดชีวิต จึงจะสามารถเผาผลาญน้ำตาลได้เป็นปกติ มิเช่นนั้นร่างกายจะหันไปเผาผลาญไขมันแทนจนทำให้ผ่ายผอมอย่างรวดเร็ว และถ้าเป็นรุนแรงจะมีการคั่งของสารคีโตน (ketones) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญไขมัน สารนี้จะเป็นพิษต่อระบบประสาททำให้ผู้ป่วยหมดสติถึงตายได้รวดเร็ว เรียกว่า ภาวะคั่งสารคีโตน (ketosis)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน (insulin-dependent diabetes mellitus/IDDM)

2. เบาหวานชนิดที่ 2 (type 2 diabetes mellitus) เป็นเบาหวานชนิดที่พบเห็นกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักมีความรุนแรงน้อย มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มพบในเด็ก/วัยรุ่นมากขึ้น ตับอ่อนของผู้ป่วยชนิดนี้ยังสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย หรือผลิตได้พอ แต่เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน จึงทำให้มีน้ำตาลคั่งในเลือดกลายเป็นเบาหวานได้ ผู้ป่วยชนิดนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน สาเหตุอาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรืออ้วนเกินไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการชัดเจน และมักไม่เกิดภาวะคีโตซีสเช่นที่เกิดกับชนิดที่ 1 การควบคุมอาหารหรือการใช้ยาเบาหวานชนิดกิน มักได้ผลในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ หรือบางครั้งถ้าระดับน้ำตาลสูงมาก ๆ ก็อาจต้องใช้อินซูลินฉีดเป็นครั้งคราว ยกเว้นในรายที่ดื้อต่อยากินอาจต้องใช้อินซูลินตลอดไป

ผู้ป่วยกลุ่มนี้แต่เดิมเรียกว่า เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes mellitus /NIDDM) และเนื่องจากเป็นกลุ่มที่พบได้บ่อย เมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน จึงมักหมายถึงเบาหวานชนิดนี้

3. เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะอื่น ๆ อาทิ

    เกิดจากยา เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะไทอาไซด์ กรดนิโคตินิก ฮอร์โมนไทรอยด์
    พบร่วมกับโรคหรือภาวะผิดปกติทางกรรมพันธุ์ เช่น

          - พบร่วมกับโรคติดเชื้อ เช่น คางทูม หัดเยอรมันโดยกำเนิด โรคติดเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (cytomegalovirus)
          - พบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น มะเร็งตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด โรคคุชชิง กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง อะโครเมกาลี (acromegaly) ฟีโอโครโมไซโตมา (pheochromocytoma ซึ่งเป็นเนื้องอกของต่อมหมวกไตชนิดหนึ่ง)

ถ้าเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น ผ่าตัดเนื้องอกออกไป หรือหยุดยาที่เป็นต้นเหตุ โรคเบาหวานก็สามารถหายได้

4. เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM) ขณะตั้งครรภ์รกสร้างฮอร์โมนหลายชนิดซึ่งเข้าไปในร่างกายหญิงตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เป็นเหตุให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนกลายเป็นเบาหวานได้ หลังคลอดระดับน้ำตาลในเลือดมารดามักจะกลับสู่ปกติ

หญิงกลุ่มนี้อาจคลอดทารกตัวโต (น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กก.) มักเป็นเบาหวานซ้ำอีกเมื่อตั้งครรภ์ใหม่ และมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเรื้อรังตามมาในระยะยาว

อาการ

ในรายที่เป็นไม่มาก ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายดีและไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะ หรือตรวจเลือดขณะไปพบแพทย์ด้วยเรื่องอื่น หรือจากการตรวจเช็กสุขภาพ

ในรายที่เป็นมาก ระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 200 มก./ดล. ซึ่งพบในกลุ่มเบาหวานชนิดที่ 1 และบางส่วนของเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นถึงขั้นรุนแรง ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยและออกครั้งละมาก ๆ กระหายน้ำบ่อย หิวบ่อยหรือกินข้าวจุ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง บางรายอาจสังเกตว่าปัสสาวะมีมดขึ้น

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 อาการต่าง ๆ มักเกิดขึ้นรวดเร็วร่วมกับน้ำหนักตัวลดลงฮวบฮาบ (กินเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน) ผู้ป่วยเด็กบางรายอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน ผู้ป่วยบางรายอาจมาโรงพยาบาลด้วยอาการหมดสติด้วยภาวะคีโตแอซิโดชิส (ketoacidosis) ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอายุน้อยและรูปร่างผอม

ในรายที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดงชัดเจน ส่วนน้อยจะมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น น้ำหนักตัวอาจลดลงบ้างเล็กน้อย บางรายอาจมีน้ำหนักขึ้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนอยู่แต่เดิม ในรายที่เป็นเรื้อรังมานาน (ทั้งที่มีอาการหรือไม่มีอาการปัสสาวะบ่อยมาก่อน) อาจมีอาการคันตามตัว เป็นฝีหรือโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังบ่อย หรือเป็นแผลเรื้อรัง หรืออาจมาพบแพทย์ด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ชาหรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ตามัวลงทุกที หรือต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อย เจ็บจุกหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดกับผู้ป่วยเบาหวานที่ปล่อยปละละเลย ขาดการรักษา หรือดูแลรักษาไม่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อนมีทั้งประเภทเฉียบพลัน (เช่น หมดสติ ติดเชื้อรุนแรง) และประเภทเรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อนประเภทเรื้อรัง มักเกิดในกลุ่มผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้อยู่เป็นเวลานาน (บางคนอาจใช้เวลา 5-10 ปีขึ้นไป) ทำให้หลอดเลือดแดงทั้งขนาดเล็กและใหญ่แข็งและตีบตัน ส่งผลให้อวัยวะหลายส่วน (เช่น ตา ไต ระบบประสาท เท้า สมอง หัวใจ) ขาดเลือดไปเลี้ยง เป็นเหตุให้อวัยวะเหล่านี้เสื่อมสมรรถภาพ พิการ หรือเสียหน้าที่

ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคต่ำ (เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคได้น้อยลง)

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะอื่น ๆ เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกหลากหลาย

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญหรือพบบ่อย ได้แก่

1. ภาวะหมดสติจากเบาหวาน เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉียบพลันและรุนแรง หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้

สาเหตุที่พบได้บ่อย คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะพบในผู้ป่วยเบาหวานที่กินยาหรือฉีดยาเบาหวานสม่ำเสมอ หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ค่อนข้างดีอยู่แต่เดิม ภาวะแทรกซ้อนชนิดนี้มักเกิดจากผู้ป่วยใช้ยาเบาหวานเกินขนาด อดอาหาร กินอาหารน้อยเกินไป หรือกินอาหารผิดเวลานานเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือมีการออกแรงกายหนักและนานเกินไป

อาการ ในระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกหิว ใจสั่น มือสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หงุดหงิด กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ตาพร่ามัว หรือเห็นภาพซ้อน ถ้าผู้ป่วยรีบกินน้ำตาลหรือน้ำหวาน อาการต่าง ๆ จะทุเลาได้ภายในเวลาสั้น ๆ แต่หากไม่ทำการแก้ไขดังกล่าว ก็จะมีอาการขากรรไกรแข็ง ชักเกร็ง ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือหมดสติ ตรวจเลือดจะพบว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ ตรวจปัสสาวะจะไม่พบน้ำตาลในปัสสาวะ (ดูรายละเอียดใน “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ”)

นอกจากนี้ ภาวะหมดสติจากเบาหวาน ยังอาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ ได้แก่

    ภาวะคีโตแอซิโดซิส (ketoacidosis) พบเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ขาดการฉีดอินซูลินนาน ๆ หรือพบในภาวะติดเชื้อหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งร่างกายต้องการอินซูลินมากขึ้นร่างกายจะมีการเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาลทำให้เกิดการคั่งของสารคีโตนในเลือด จนเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (เรียกว่า diabetic ketoacidosis/DKA) ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำอย่างมาก หายใจหอบลึก และลมหายใจมีกลิ่นหอม (กลิ่นของสารคีโตน) มีไข้ กระวนกระวาย มีภาวะขาดน้ำรุนแรง (ตาโบ๋ หนังเหี่ยว ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว) อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งหมดสติ จะตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูง พบน้ำตาลในปัสสาวะและพบสารคีโตนในเลือดและในปัสสาวะ
    ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรง (non-ketotic hyperglycemic hyperosmolar coma/NKHHC) มักพบในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นโรคโดยไม่รู้ตัว หรือที่ขาดการรักษา หรือมีภาวะติดเชื้อรุนแรง (เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบ โลหิตเป็นพิษ) หรือมีการใช้ยาบางชนิด (เช่น สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ) ร่วมด้วย ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ๆ (สูงเกิน 600 มก./ดล. ขึ้นไป) ผู้ป่วยจะเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง ซึม เพ้อ ชัก หมดสติ โดยก่อนหน้าจะหมดสติเป็นวันหรือสัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย

2. การติดเชื้อ ผู้ป่วยเบาหวานจะเป็นโรคติดเชื้อง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเป็นการติดเชื้อซ้ำซาก เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กลาก โรคเชื้อราเคนดิดา ช่องคลอดอักเสบ เป็นฝีหรือพุพอง เป็นต้น อาจจะเป็นการติดเชื้อรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หูชั้นนอกอักเสบรุนแรง เท้าเป็นแผลติดเชื้อซึ่งอาจลุกลามจนเท้าเน่า เป็นต้น หรืออาจจะเป็นโรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรคปอด

3. ภาวะแทรกซ้อนของตา ที่สำคัญคือ จอประสาทตาเสื่อม (retinopathy) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาและหลอดเลือดในบริเวณนี้เกิดความผิดปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระยะแรกผู้ป่วยจะไม่รู้สึกผิดปกติ จนกระทั่งเป็นมากแล้วก็จะเกิดอาการตามัว ตาบอดได้ ดังนั้นจึงควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็กตาปีละครั้ง (ผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรตรวจตาตั้งแต่อายุครรภ์ 3 เดือนแรก และตรวจเป็นระยะจนกระทั่งหลังคลอด 1 ปี เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมมากขึ้น) ถ้าพบเป็นตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะได้ให้การรักษา (ประกอบด้วยการยิงเลเซอร์ไปที่หลอดเลือดที่ผิดปกติ) ป้องกันตาบอด

นอกจากนี้ ยังอาจพบว่าผู้ป่วยเบาหวานเป็นต้อกระจกก่อนวัย หรือต้อหินเรื้อรัง เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) จอตาลอก หลอดเลือดแดงหลักของจอตาอุดตัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ตาบอดได้

4. ภาวะแทรกซ้อนของไต ที่สำคัญ คือ ไตเสื่อม หรือไตวายเรื้อรัง (nephropathy หรือ chronic renal failure) เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงไต ทำให้ไตเสื่อมลงแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้า ๆ ในระยะแรกจะพบว่ามีสารไข่ขาว (แอลบูมิน) หลุดออกมาในปัสสาวะจำนวนน้อย (30-299 มก./วัน ซึ่งเรียกว่า microalbuminuria) ระยะนี้ยังมีทางบำบัดเพื่อป้องกันภาวะไตเสื่อมได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสารไข่ขาวในปัสสาวะอย่างน้อยปีละครั้ง หากปล่อยปละละเลยจนไตเสื่อมถึงที่สุด ก็จะกลายเป็นไตวายเรื้อรัง ซึ่งในที่สุดอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียหรือล้างไต (dialysis) หรือผ่าตัดปลูกถ่ายไต

5. ภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท ได้แก่ ระบบประสาทเสื่อม (neuropathy) เนื่องจากหลอดเลือดแดงขนาดเล็กที่มาเลี้ยงระบบประสาทเกิดการแข็งและตีบ ถ้าเกิดกับประสาทส่วนปลายที่เลี้ยงแขนขา ในระยะแรกอาจมีอาการปลายมือปลายเท้าแสบร้อน หรือเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง มักเป็นมากตอนกลางคืน จนบางรายนอนไม่หลับ อาการจะทุเลาหรือหายได้เมื่อคุมเบาหวานได้ดี

ถ้าปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงต่อไปนาน ๆ ก็จะเกิดอาการชาปลายมือปลายเท้า ซึ่งจะค่อย ๆ ลุกลามสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ (คล้ายใส่ถุงมือถุงเท้า) อาการชาดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่หายแม้ว่าต่อมาจะคุมเบาหวานได้ดีขึ้นก็ตาม จนในที่สุดจะไม่มีความรู้สึก จึงเกิดบาดแผลที่เท้าง่ายเมื่อเหยียบถูกของมีคมหรือของร้อน ๆ หรือถูกของแหลมทิ่มตำ เมื่อเกิดบาดแผลก็มีโอกาสติดเชื้ออักเสบเนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ และเนื่องจากมีภาวะขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและตีบ ทำให้แผลหายยาก บางครั้งอาจลุกลามรุนแรง หรือเป็นเนื้อเน่าตาย (gangrene) จำเป็นต้องตัดนิ้วเท้าหรือข้อเท้า เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยเบาหวานควรหมั่นดูแลเท้าอย่าให้เกิดบาดแผล และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะเสริมให้หลอดเลือดแข็งและตีบมากขึ้น

บางรายอาจมีประสาทเลี้ยงกล้ามเนื้อตาเสื่อม ทำให้กล้ามเนื้อตาเป็นอัมพาต มีอาการตาเหล่ หนังตาตก หลับตาไม่สนิท รูม่านตาขยาย มองเห็นภาพซ้อน อาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 6-12 สัปดาห์

นอกจากนี้ ยังอาจมีความเสื่อมของระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic neuropathy) ซึ่งควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะจากภาวะความดันตกในท่ายืน อาการอาหารไม่ย่อยหรือแสบลิ้นปี่จากโรคกรดไหลย้อน ปวดท้อง ท้องเดิน หรือท้องผูกเรื้อรังจากโรคลำไส้แปรปรวน กระเพาะปัสสาวะหย่อนสมรรถภาพ (ทำให้ถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง) ต่อมเหงื่อไม่ทำงาน (ทำให้ผิวแห้ง) องคชาตไม่แข็งตัว (erectile dysfunction ซึ่งนอกจากเกิดจากประสาทที่ไปเลี้ยงองคชาตเสื่อมแล้ว ยังเป็นผลมาจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงองคชาตเกิดการแข็งและตีบอีกด้วย)

6. ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ ๆ ได้แก่ หัวใจ สมอง ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงหรือผิดปกติ อ้วน สูบบุหรี่ เป็นต้น ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงขาและเท้าก็เกิดการตีบตันได้ เรียกว่า "โรคหลอดเลือดแดงขาตีบ" มีภาวะเลือดไปเลี้ยงขาและเท้าไม่พอ ทำให้เกิดอาการปวดขาเวลาเดิน และอาจพบเป็นตะคริวตอนกลางคืนได้บ่อย

7. ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ผู้ป่วยเบาหวานยังอาจเป็นปัจจัยของการเกิดโรคอื่น ๆ อีก เช่น สมองเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ ภาวะซึมเศร้า หูตึง ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง นิ่วน้ำดี เส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย) ได้ ภาวะไขมันสะสมในตับ (fatty liver ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นตับแข็งหรือมะเร็งตับ) รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับอ่อนมากขึ้น

การวินิจฉัย

สำหรับคนทั่วไป (ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์) หากมีอาการของเบาหวาน (เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย) หรือไม่มีอาการแต่ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะหรือน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หรือเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อโรคนี้ (เช่น อ้วน มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน) ควรส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ดังนี้

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการแสดง ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบเจาะที่แขน (venous blood) หลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (fasting plasma glucose/FPG) ซึ่งสามารถแปลผล ดังนี้

    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าต่ำกว่า 100 มก./ดล. ถือว่าปกติ
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าเท่ากับ 100-125 มก./ดล. ถือว่าเป็นระดับน้ำตาลสูงผิดปกติ (impaired fasting glucose/IFG) เรียกว่า กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน  (categories of increased risk for diabetes) ควรตรวจยืนยันด้วยการทดสอบความทนต่อน้ำตาล (oral glucose tolerance test/OGTT)*
    ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (FPG) มีค่าตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมงมีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ให้สงสัยว่าอาจเป็นเบาหวาน ควรทำการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (FPG หรือ OGTT แล้วแต่กรณี) ซ้ำอีกครั้งในวันหลัง ถ้ายังมีค่าสูงอยู่ในระดับดังกล่าวอีกก็วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

นอกจากนี้ ยังสามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานจากการตรวจพบระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 6.5%** จากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน

2. กรณีผู้ป่วยมีอาการชัดเจน ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ คือ ตรวจได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด ถ้าพบว่ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไป ก็สามารถวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคเบาหวาน (สำหรับหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์)***

1. กรณีผู้ป่วยไม่มีอาการของโรคเบาหวาน จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (FPG) มีค่าเท่ากับ 126 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ข. ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1C) มีค่าเท่ากับ 6.5% หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน หรือ

ค. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง (2-hr plasma glucose) จากการทดสอบความทนต่อกลูโคส (OGTT) โดยการดื่มกลูโคส 75 กรัม มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่าจากการตรวจ 2 ครั้งในต่างวันกัน


2. กรณีผู้ป่วยมีอาการของโรคเบาหวานชัดเจน เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย จะวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเมื่อ

ก. ระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่มตรวจ (random plasma glucose) มีค่าเท่ากับ 200 มก./ดล. หรือมากกว่า จากการตรวจเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาใดก็ได้

เกณฑ์การตรวจกรองโรคเบาหวานในผู้ที่ไม่มีอาการแสดง

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน (ดัชนีมวลกาย ≥ 23 กก./ม² ถ้าตรวจพบเป็นปกติ ให้ตรวจซ้ำทุก 3 ปี

2. ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ควรตรวจกรองเบาหวานเมื่ออายุต่ำกว่า 35 ปี หรือควรกรองให้ถี่ขึ้น

    ขาดการออกกำลังกาย
    มีพ่อแม่พี่น้องเป็นเบาหวาน
    เคยตรวจพบว่ามีภาวะเบาหวานแฝง (ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงมีค่า 100-125 มก./ดล. หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 75 กรัมไปแล้ว 2 ชั่วโมง มีค่า 140 -199 มก./ดล.)
    เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) หรือคลอดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4 กก.
    มีความดันโลหิตสูง (≥ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป)
    มีไขมันเอชดีแอล (HDL) <35 มก./ดล. และ/หรือไตรกลีเซอไรด์ >250 มก./ดล.
    มีโรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำ (acanthosis nigricans****) เป็นต้น
    มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดแข็งและตีบ (vacular disease)

* วิธีทดสอบ ให้ผู้ป่วยอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดก่อน 1 ครั้ง แล้วให้ผู้ป่วยดื่มน้ำตาลกลูโคส 75 กรัม ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มน้ำตาลไปแล้ว 1, 2 และ 3 ชั่วโมง โดยทั่วไปนิยมใช้ค่าน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคสไปแล้ว 2 ชั่วโมง เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัย (ค่าปกติต่ำกว่า 140 มก./ดล. ถ้ามีค่า 140-199 มก./ดล. ถือว่าเป็น “กลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน” ถ้ามีค่าตั้งแต่ 200 มก./ดล. ขึ้นไปถือว่าเป็นเบาหวาน) วิธีนี้จะใช้เฉพาะในรายที่ตรวจพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารสูงผิดปกติ (IFG) และหญิงหลังคลอดที่เคยตรวจพบว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (gestational diabetes mellitus/GDM)
ในการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าผู้ป่วยมีประวัติกินยาที่อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงอยู่ก่อน เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาเม็ดคุมกำเนิด สเตียรอยด์ กรดนิโคตินิก เฟนิโทอิน เป็นต้น ควรให้ผู้ป่วยงดยาก่อนที่จะทำการตรวจเลือด

** ค่าปกติต่ำกว่า 5% ถ้ามีค่า 5.7-6.4% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเบาหวาน

***สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ใช้เกณฑ์ข้อที่ 1 ก. และ 2 ก. ในการวินิจฉัยได้เช่นเดียวกัน
ส่วนระดับน้ำตาลในเลือดจากการทดสอบความทนต่อกลูโคส โดยการดื่มกลูโคส 100 กรัม (100 g OGTT) ใช้เกณฑ์ดังนี้
1. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง ≥ 95 มก./ดล.
2. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 1 ชั่วโมง ≥ 180 มก./ดล.
3. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 2 ชั่วโมง ≥ 155 มก./ดล.
4. ระดับน้ำตาลในเลือดหลังดื่มกลูโคส 3 ชั่วโมง ≥ 140 มก./ดล.
การวินิจฉัยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM) ต้องมีค่าน้ำตาลสูงตามเกณฑ์ดังกล่าว ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป

**** ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีน้ำตาลหรือดำคล้ายกำมะหยี่ พบบ่อยที่บริเวณหลังคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อนิ้วมือ ใต้นม ต้นขาด้านใน รอบช่องคลอด เป็นต้น ซึ่งมักเป็นพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง (แบบสมมาตร) บางครั้งอาจมีติ่งหนัง (skin tag) อยู่ในหรือรอบ ๆ บริเวณที่เป็นปื้นหนา

15
รถไฟฟ้า ev BYD M6 รถเอ็มพีวีไฟฟ้า 7 ที่นั่ง เตรียมเปิดตัวพร้อมค่าตัวอาจไม่เกินล้าน!

หลังจากโชว์ตัวและจัดให้สื่อได้ลองขับ BYD M6 Minorchange ที่เปลี่ยนชื่อใหม่จาก E6 เดิม โดยใช้พื้นฐานเดิมมาปรับปรุงสมรรถนะ ฟังก์ชั่นและระบบต่างใหม่หมด พร้อมกับมีรุ่น 6 ที่นั่งแบบ Captain Seat และ 7 ที่นั่ง ใกล้ถึงวัยเปิดตัวแล้ว 6 กันยายน นี้ คาดว่าราคาเริ่มต้นไม่ข้ามล้าน! หรือถ้าอดใจรอจะไปดูคันจริงกันก่อนพร้อมโปรโมชันที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 นี้ก็ได้

ภาพรวมของ BYD M6 นั้น เป็นรถยนต์ MPV ขนาดพอ ๆ กับ Toyota Wish หรือ Mitsubishi Specewagon แบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ให้เลือก มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ที่แรงขึ้น กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ที่ขับมันกว่าเดิม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 71.8 kWh วิ่งได้ระยะทางใกล้ ๆ เคียงเดิมคือ 500 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC) และตัวรถใหญ่แบบนี้ยังทำอัตราเต่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.6 วินาที นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวครับ

ภายนอกปรับไฟหน้าใหม่แบบ LED ไฟท้ายทรงเดิมแต่ลวดลายใหม่ ล้ออัลลอยใหม่ หลังคาพาโนรามิก ภายในไม่ปรับเยอะมากนักแต่เพิ่มออปชั่นต่าง ๆ เข้าไปให้ทันสมัยมากขึ้น อย่างเช่น หัวเกียร์แบบจอยสติ๊ก จอกลาง Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว เพิ่มเติมระบบความปลอดภัยเข้าไปอีก เช่น รองรับ Apple CarPlay / Android Auto, กล้องมองรอบคัน, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ มากมาย รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, โหมดการขับขรา, Auto Hold Brake เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีความสะดวกสบายเต็มคัน เช่น ม่านหลังคาไฟฟ้า, ฝาท้ายไฟฟ้า, ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบกรองอากาศ PM 2.5,  ระบบเป่าลงเย็นเบาะคู่หน้า และช่องแอร์หลังที่แยกปรับแรงลมได้, เบาะแถว สอง และสามที่พับเก็บแบบแยกอิสระซ้ายขวาและพับได้แบบราบพร้อมระบบจ่ายไฟฟ้าภายนอก VtOL เป็นต้น  รอเปิดตัวและลุ้นราคาสำหรับรถยนต์ MPV ที่น่าจะเป็นรถที่ตอบสนองการใช้งานครอบครัวได้คุ้มค่าทุก ๆ ฟังก์ชั่น โดยเฉพาะถ้าเปิดราคารุ่นเริ่มต้นไม่ล้านบาท ก็อาจจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลับ "แตก" อีกครั้ง

หน้า: [1] 2 3 ... 29