ผู้เขียน หัวข้อ: จัดฟันบางนา: อาการแบบใดบ้าง ทันตแพทย์จึงจะพิจารณาให้ทำรากฟันเทียมได้  (อ่าน 3 ครั้ง)

siritidaphon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 143
  • รับจ้างโพสเว็บราคาถูก, รับจ้างโปรโมทเว็บราคาถูก
    • ดูรายละเอียด
จัดฟันบางนา: อาการแบบใดบ้าง ทันตแพทย์จึงจะพิจารณาให้ทำรากฟันเทียมได้

รากฟันเทียม หรือที่เรียกว่า รากเทียม ถูกผลิตขึ้นมาจากไททาเนียม ซึ่งอย่างที่หลายๆท่านทราบกันเป็นอย่างดีว่าไททาเนียมนั้นมีความแข็งแรงมากๆ แถมยังสามารถเข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี จึงใช้เป็นฐานเพื่อช่วยให้รากฟันเทียมติดแน่นแบบคงทน และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันนั้น การทำรากฟันเทียมเพื่อใช้ทดแทนฟันจริงที่สูญเสียไปถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความปลอดภัยสูง แถมยังมีความแข็งแรงไม่ต่างจากฟันจริงตามธรรมชาติของคนเรา อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่ดีไม่ต่างจากฟันแท้เลย

แต่ก็เชื่อว่ามีหลายท่านที่อยากจะทำรากฟันเทียม แต่ทันตแพทย์ไม่สามารถให้ทำได้เนื่องจากความไม่เหมาะสมของผู้ป่วยบางประการ อาจจะเป็นเพราะโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้อยู่บางชนิดก็ทำให้ไม่สามารถที่จะทำรากฟันเทียมได้

แต่ในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทราบถึง อาการบางอาหารที่ทันตแพทย์จะพิจารณาให้ทำรากฟันเทียมดีที่สุด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

อาการแบบใด ที่ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำรากฟันเทียม ?

ต้องบอกเลยว่าปัจจัยสำคัญที่คนไข้ส่วนใหญ่เลือกที่จะใส่ฟันปลอมก็คือ เพื่อเสริมบุคลิกภาพที่ดีสำหรับผู้ที่ฟันหน้าสูญหาย เพื่อเพิ่มรอยยิ้มที่สดใส และมั่นใจในการพูดคุย แต่บางท่านก็ต้องการทำฟันปลอมเพื่อใช้งานอย่างแท้จริงในการบดเคี้ยวฉีกกัดอาหาร หรือทดแทนฟันซี่ที่ไม่แข็งแรงซึ่งอาจจะสร้างปัญหาในอนาคต หรือแม้แต่สูญเสียฟันจริงไปแล้วทำให้กลัวการเกิดฟันล้มก็จำเป็นที่จะต้องใส่ฟันปลอม แต่ไม่ใช่ทุกท่านที่สามารถใส่ฟันปลอมได้ เพราะ สภาพความเสียหายของฟันนั้นไม่เหมือนกัน บางท่านไม่มีฟันไว้ยึดเกาะการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาเหล่านี้สามารถหมดไปด้วย การทำรากฟันเทียม เพราะการทำรากฟันเทียมนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ฟันซี่อื่นเพื่อยึดเกาะ รากฟันเทียมถือว่าคงทนที่สุดในทุกด้าน

ที่สำคัญที่สุดทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ทำรากฟันเทียม หากว่าไม่มีอาการป่วยเกี่ยวกับเลือด หรือโรคเบาหวาน และอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี เพราะทันตแพทย์จะมองถึงความสำเสร็จในผลลัพธ์สูงที่สุด เพราะเหตุนี้ความผิดพลาดจึงต้องน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งจำนวนฟันที่สูญเสียก็ถือว่ามีความจำเป็นในการตัดสินใจของทันตแพทย์เช่นกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


– สูญเสียฟัน 1 ถึง 2 ซี่

โดยส่วนใหญ่แล้วทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำการทำฟันเทียม 2 วิธี หากว่าสูญเสียฟันเพียงแค่ 1 – 2 ซี่ ก็คือ การทำรากฟันเทียม และ การทำสะพานฟัน แต่การทำรากฟันเทียมก็ถือว่ามีผลสำเร็จและเหมาะสมมากกว่า และมีข้อดีมากกว่าการทำสะพานฟัน คือ ไม่ต้องกรอเนื้อฟันดีทิ้ง


– ทดแทนฟันหลายซี่

หากว่ามีการสูญเสียฟันมากกว่า 2 ซี่ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำรากฟันเทียมเพื่อรองรับการครอบฟัน แต่สำหรับในกรณีที่สูญเสียฟันหลายซี่ติดกัน ทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟันแทน เพื่อลดการฝังรากฟันเทียมจำนวนมาก


– การทดแทนฟันที่หายไปทั้งปาก

ในกรณีที่ผู้ป่วยสูญเสียฟันจริงตามธรรมชาติทั้งปาก ต้องบอกเลยว่ามีความยุ่งยากสูงในการรักษา แต่ถึงอย่างไรก็ตามการฝังรากฟันเทียมก็ยังสามารถทำได้ทั้งแบบติดแน่น และแบบถอดได้ โดยทันตแพทย์จะวินิจฉัยว่าควรติดตั้งรากฟันเทียม จำนวน 4 , 6 หรือ 8 ตัว ต่อ 1 ขากรรไกร สำหรับแบบติดแน่น แต่หากว่าต้องการทำรากฟันเทียมแบบถอดได้ ทันตแพทย์จะใช้เพียง 2 – 4 ชิ้น ซึ่งความยุ่งยากจะแตกต่างกันออกไป ทำให้ระยะเวลาในการรักษาอาจไม่เท่ากัน


สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับการทำรากฟันเทียม อย่างแรกเลยต้องผ่านการประเมินและวิเคราะห์จากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต ซึ่งทันตแพทย์ผู้ทำการวินิจฉัยจะต้องมีความรู้ด้านและชำนาญเฉพาะทางเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถเลือกรากฟันเทียมที่เหมาะสมกับคนไข้ มีความเข้าใจเรื่องพฤติกรรมการบดเคี้ยวและขั้นตอนการทำทันตกรรมประดิษฐ์ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าทันตแพทย์ของ Clinic มีความชำนาญด้านทันตกรรมมากว่า 15 ปี สามารถให้ความไว้ใจได้อย่างแน่นอน